ถ้ามีพื้นที่สีเขียวมาก ก็จะทำให้ประชาชนใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ มลพิษน้อย และรายล้อมด้วยธรรมชาติ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้บัญญัติไว้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ในมาตรา 50 มาตรา 57 มาตรา 58 และมาตรา 72 สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
กำหนดให้บุคคลและภาครัฐ ร่วมมือกันในการอนุรักษ์และคุ้มครองสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติ ตลอดจนความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อสุขภาพ อนามัย และคุณภาพชีวิตของประชาชน จึงมีความจำเป็นที่หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง จะต้องมีการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมขาติและสภาพแวดล้อมโดยรวมไม่ให้ถูกทำลายหรือเกิดผลกระทบจากฝีมือของมนุษย์ ตลอดจนทำหน้าที่ในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมของประเทศให้มีความยั่งยืน จึงเห็นได้ว่าการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งตามที่รัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2560 ได้เน้นย้ำหน้าที่ของบุคคลและภาครัฐ ที่จะต้องมีการร่วมมือและจัดการด้านสิ่งแวดล้อมร่วมกัน และเมื่อนับจาก พ.ศ. 2532 จนถึงปัจจุบัน พระราชอัจฉริยภาพด้านสิ่งแวดล้อมของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่มีพระราชดำรัสถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่จะส่งผลกระทบต่อโลกและประเทศไทยมาโดยตลอด ได้ปลุกจิตสำนึกของคนไทยให้ตระหนักถึงความสำคัญ ร่วมใจกันอนุรักษ์และคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ตลอดจนทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไทยให้มีความยั่งยืนสืบไป
ป่า ๓ อย่าง ประโยชน์ ๔ อย่างของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นแนวคิดของการผสมผสานการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ควบคู่ไปกับความต้องการด้านเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนเป็นที่ตั้ง ซึ่งจะสามารถช่วยให้เกิดการอนุรักษ์และเพิ่มพื้นที่ป่าของประเทศได้อย่างแยบคายจากการส่งเสริมให้ ชาวบ้านได้ตระหนักและเห็นคุณค่าจากการได้ใช้ประโยชน์จากป่าไม้ที่ปลูก